The Hamlet part 2 ค่ะ
มาโซนตรงร้านอิตาเลี่ยนเปิดประตูมาก็เจอมุมนี้ขวามือค่ะ
โต๊ะอาหารจัดหรูหราอ่ะแนวสีม่วง
บรรยากาศห้องอาหารอิตาเลี่ยน
มุมไวน์มีไวนฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ให้เลือกค่ะ
เดินออกมาทางหลังห้องอาหารก็จะเป็นโซนเอ้าท์ดอร์ช่วงนี้ไม่แนะนำให้นั่งเพราะร้อนค่ะ
มุมนั่งสบายควรมาช่วงฤดูหนาวนะคะ
เค้าท์เตอร์บาร์ของโซนอิตาเลี่ยน
อดใจไม่ไหวขอสักภาพเถอะ
เอี้ยวตัวมานิดก็จะเจอกับโซนอาหารญี่ปุ่นค่ะ
คุนน้องเจ้าของบอกว่าอยากให้ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นจริงๆ แบบบาร์ซูชิ
เห็นมั้ยว่าน่ามาถ่ายรูปทุกมุมจริงๆ
สวยทุกมุมเลย
โซนญี่ปุ่นค่ะ
รูปปั้นน้ำพุติดกับโซนญี่ปุ่น
เดินถ่ายรูปจนเหนื่อยแระ มาดูอาหารที่สั่งกันดีกว่าค่ะว่าหน้าตาเป็นเยี่ยงไร
อาหารจานแรกอโวคาโดอบชีสเคียงมากับสลัด น้ำสลัดง่ายๆ กับบาลซามิก
อร่อยมากค่ะ ไม่หนักท้องดี
ปลาค๊อดย่างพันเบคอน ซอสบรั่นดี เสิร์ฟมากับมันฝรั่งอบ หน่อไม้ฝรั่ง ไม่ผิดหวังค่ะ จานนี้รสชาติยุโรปมาก
แซลม่อนย่างเสิร์ฟกับผักโขมและมันบด ดิฉันว่ามันบดเหลวไปนิดเพราะปรกติถ้าทำเองจะไม่ละเอียดมากนัก อันนี้คงแล้วแต่คนด้วยนะคะ รสชาติโดยรวมดีมากค่ะ
ตบท้ายด้วยชอคโกแลตลาวา เยิ้มเป็นลาวาจริงๆเลยค่ะ รสชาติละมุนดีค่ะไม่โดดชอคโกแลตมากไป ส่วนอีกอันเป็นเค้กแบร์รี่รวมฐานเป็นแป้งพายหวานตรงกลางเป็นสารพัดแบร์รี่
ส่วนบนเป็นไอศครีมสตอแบร์รี่แล้วราดด้วยเจลสตอแบร์รี่ค่ะ ทานด้วยกันเข้ากันดี
ยิ่งถ้าได้แชมเปญมาจะเริ่ดมากค่ะ สำหรับบางท่านที่ไม่ชอบทานชอคโกแลตกับแบร์รี่ต่างๆก็แยกทานได้
เอาหล่ะค่ะ วันนี้อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจได้ถ่ายรูปสวยอัพเฟสก็พอแระ มีอาหารอีกหลายอย่างที่อยากลองทานแต่ก็ไม่สามารถเพราะมีอยู่ท้องเดียวค่ะ หากเพื่อนๆอยากลองไปลิ้มรสชาติอาหาร หรือขนมก็ไปที่ซอยอารีย์ 3 เลยนะคะ ร้านถัดจากร้านส้มตำบางกอกไปนิดนึงจอดรถริมซ้ายได้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น