เพื่อนร่วมทางค่ะ ยังมีแถวหน้าอีก เครื่องออกตอนเกือบหกโมงเช้าถ้าจำไม่ผิด เราถึงได้ราคาที่ประหยัดมากทั้งไปและกลับค่ะ
เห็นสัญลักษณ์หม้อไหโบราณก็รู้ว่าถึงสนามบินอุดรโดยสวัสดิภาพค่ะ
นี่คือรถตู้ที่จะพาเราเที่ยวช่วงสามวันค่ะรวมถึงข้ามไปเวียงจันทร์ด้วยค่ะ
ออกจากสนามบินก็มาหาอาหารเช้ารองท้องกันที่นี่เลยค่ะ ร้านมาดาม พาเท่ห์ ใครมาที่อุดรต้องแวะมาทานให้ได้นะคะ เดี๋ยวมาดูว่าพวกเราสั่งอะไรมาทานกันบ้าง
ตอนแรกได้นั่งหน้าร้านข้างนอกเลย แต่เจ้าของมาเชิญให้ไปนั่งด้านหลังบ้านซึงเป็นส่วนตัวมากเลยค่ะ
นี่ค่ะด้านหลังของร้านมีมุมเก๋ๆให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆไปอัพเฟสกันด้วย
นี่ล่ะค่ะหน้าตาเจ้าของร้าน เจ๊หมุ่ย แถมเจ๊ยังมา Parlez français กับดิฉันด้วยนะคะ
หน้าตาเมนู ที่เห็นนิ้วชี้นั่นเจ๊หมุ่ยกำลังบอกว่านี่ล่ะอาหารที่แนะนำให้สั่ง
ข้าวต้มเห็ดสามอย่างร้อนๆ ไม่ต้องปรุงอะไรเลย
สตูว์หมูเสิรฟ์มาพร้อมกับขนมปังค่ะ เมนูแนะนำเลย
สลัดหลวงพระบางคิดค้นโดยเจ๊หมุ่ยเองเลยค่ะ อร่อยมาก แซ่บหลาย
เฝอหมู
เมนูใหม่ล่าสุด ขนมปัง AEC ต้อนรับการเปิด AEC เลยค่ะ เจ๊แกเม้าท์มาให้ฟัง อิอิ
อิ่มหนำสำราญดิฉันก็รีบมาถ่ายรูปอัพเฟส อัพไอจีก่อนเลยค่ะ เพราะเดี๋ยวเราต้องเดินทางไปเวียงจันทร์กันต่อ
ออกเดินทางไปเวียงจันทร์กันต่อ
ก่อนจะไปถึงด่านทางออกเราต้องมาแวะที่นี่ก่อนค่ะ เพื่อมารับเอกสารผ่านทางที่ทางคนขับรถจัดการให้หมดเลยค่ะ สะดวกสบายจริงๆค่ะ นั่งเสนอหน้ากันอย่างเดียวเลย ค่าผ่านทางรวมค่ารถค่าสารพัดค่านี่รวมใน 6500 บาทเลยนะคะ
นั่งไปสักพักก็มาถึงด่านออกทางฝั่งไทยค่ะ คนขับรถของเราก็จัดการไปยื่นเอกสารให้ทางเรา
พวกเราก็นั่งรอในรถเป็นคุณนายกัน
สักแป๊ปคนขับรถก็มาเรียกให้ไปโชว์ตัวที่ทางด่าน ตม ค่ะ
วิวบนสะพานมิตรภาพค่ะที่เราเห็นเป็นฝั่งลาวค่ะ
ตอนนี้เราก็มาถึงทางด่านเข้าฝั่งลาวแล้วค่ะ ก็ต้องรอยื่นเอกสารเข้า เมื่อกี้ออกค่ะ
ยื่นเอกสารเข้าที่ด่านเสร็จน้องไกด์คนนี้ก็โผล่มาขึ้นรถกับเราเลยค่ะ น้องชื่อแตงโมค่ะ
จะเป็นไกด์ให้เราทั้งวันจะกว่าเราจะกลับเข้าฝั่งไทยค่ะ
วัดแรกที่มาคือวัดศรีเมือง เป็นทั้งหลักเมืองและก็มีพระแก้วมรกตพระคุ่บ้านคู่เมือง
ของสักการะบูชาค่ะ
ภายในอุโบสถ
แม่ย่าเมืองหรือป่าวก็ไม่ทราบดิฉันก็จำไม่ได้ซะแล้ว
เพื่อนร่วมทางดิฉันค่ะ
กราบสวยๆ ก่อนเดินทางไปวัดศรีสะเกษ
ทางเข้าวัดศรีสะเกษว่ากันว่าเป็นวัดที่เจ้าอนุวงศ์สร้างขึ้นโดยเลียนแบบแบบมาจาก
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม หรือวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
โดยเฉพาะตรงริมระเบียงทางเดิน
นี่ล่ะค่ะตัวอุโบสถ
คณะเรากับไกด์
ด้านหน้าอุโบสถ
ตรงทางเข้าตัววัดค่ะ
ระเบียงรอบอุโบสถ สวยมั้ยคะ
อีกมุมของระเบียงค่ะสวยงามมากเลย
ประตูชัยลาว
ที่ต่อมาก็คือประตูชัยที่สร้างเลียนแบบประตูชัยของฝรั่งเศส
ไกด์บอกว่าสร้างในยุคที่เป็นอาณานิคมฝรั่ง
แต่มาเสร็จในยุคของอเมริกันค่ะ
คณะเราวันนี้อากาศดีมากไม่ร้อนเลยทั้งทีปรกติไกด์บอกว่าอุณหภูมิ 38 องศา
แต่วันนี้ฝนตกแต่เช้าอากาศเลยกำลังสบายๆค่ะ
ใต้ประตูชัย
สวยงามมากค่ะ
ชักภาพใต้ประตูชัยค่ะ เห็นเพดานสวยงาม
มองเห็นทำเนียบรัฐบาาลอยู่ใกล้ๆ
จากประตูชัยก็ได้เวลาเที่ยงหิวข้าวกันแระต้องร้านนี้เลยค่ะ ขอบใจเด้อ
อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ มื้อนี้ 7 คน บวกไกด์กับคนขับรถด้วย
กินกันจนอิ่มพุงปลิ้นตบท้ายด้วยเครปกล้วยหอมกาแฟ เบ็ดเสร็จเกือบ 3000 บาท
ไกด์บอกว่าแพงมากแต่เราบอกว่าไม่แพงเลย
ก่อนเข้าร้านขอไปเดินถ่ายรูปฝั่งตรงข้ามร้านหน่อยนึง
ภายในร้าน ขอบใจเด้อ โต๊ะที่เรานั่งกัน
รูปภาพของเมืองเวียงจันทร์แต่ก่อน
อีกมุมค่ะ
แจ่วกับผักนึ่ง
ข้าวเหนียวอร่อยมากเลย
ข้าวเหนียวดำ
แกงหน่อไม้ดองไก่ค่ะ
ตำถั่วอร่อยมาก
เนื้อย่างจิ้มแจ่ว
นึ่งปลา
ตำปลาร้าแซ่บเด้อ
ผลไม้ล้างปาก
เครปกล้วยหอมราดชอคโกแลตกับไอศครีม เนื้อแป้งเครปอร่อยมากๆๆ
ดูท่ากินสะก่อน
อาหารเต็มโต๊ะหมดภายในพริบตา ตำถั่วแซ่บมาก อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะไม่ผิดหวัง
เช็คบิลมาราคานี้ค่ะ สองพันเก้าร้อยกว่าบาทตีไปสามพันบาทแต่อิ่มแบบว่าจุกถึงคอหอยเลยค่ะ
ทั้งนี้รวมค่าอาหารของไกด์และคนขับรถด้วยนะคะ
แอบถ่ายตัวเองตอนทานข้าว
อิ่มแล้วมายืนรอรถมารับไปต่อ
รับทานอาหารเสร็จก็มาช้อปปิ้งต่อที่ร้านจำปาล้านช้าง ขายผ้าซิ่นลาว ของที่ระลึก และเครื่องเงิน
กระซิบนิดนะคะว่าราคาค่อนข้างแพงเพราะเป็นที่ที่ไกด์เค้าจะได้ค่าน้ำ ถ้าใครคิดว่าเป็นที่สุดท้ายแล้วก็ซื้อเฮ่อะ ต่อเยอะๆขอบอก
สินค้าในร้าน
กระเป๋าที่ระลึกของฝาก
เครื่องเงิน
มีกาแฟเสิรฟ์ให้ดื่มระหว่างดูสินค้าไม่คิดค่ากาแฟแต่เอาไปบวกกับค่าสินค้าค่ะ 555555
มุมเครื่องเงิน
เพื่อนในกลุ่มเลือกผ้าซิ่นกันอย่างเมามัน
กาแฟลาวอร่อยกลมกล่อมดีนะคะ ช้อปเสร็จเราก็ไปต่อ
สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้คือ วัดพระธาตุหลวง เป็นปูยชนีสถานที่สำคัญของเวียงจันทร์
อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมใจของชาวลาวด้วย
ป้ายเวลาเยี่ยมชมค่ะ
เริงร่ามากเลยค่ะ
ระเบียงรอบในบริเวณพระธาตุหลวง
นั่งชื่นชมตัวพระธาตุหลวงเพราะวันนี้อากาศกำลังสบายเลยค่ะ ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเวียงจันทร์
เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับเข้าฝั่งไทยแล้วค่ะ แถมเพื่อนร่วมคณะจะขอช้อปตรงดิวตี้ฟรีทางฝั่งลาวอีกด้วย
ไกด์แนะนำว่าให้เข้าร้านดิวตี้ฟรีที่ชื่อ Heaven
เพื่อนร่วมคณะหิ้วของกลับจากดิวตี้ฟรีเต็มไม้เต็มมือ
กลับจากฝั่งลาวก็มา่เช็คอินกันที่โรงแรมก่อนเลยเพราะว่าตั้งแต่เช้าเราไม่ได้มาเช็คอินก่อน
เดินทางไปฝั่งลาวเลย โรงแรมที่พักชื่อ โรงแรมนภาลัยค่ะระดับ 3 ดาวกว่าเลยนะคะมีทั้งสระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนสบริการ รวมในค่าใช้จ่าย 6500 บาทค่ะพักที่นี่สองคืนเลยค่ะ
ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาเพราะเราต้องขึ้นเครื่องกลับที่อุดร
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จมื้อเย็นก็ออกมาทานอาหารจีนที่โรงแรมเซ็นทาราอุดรค่ะ หรูเน่อะ
เป็ดปักกิ่ง
ออเดิร์ฟ
หน่อไม้จีน
เมี่ยงเป็ด
ปลานึ่งซีอิ้ว
ซุปเสฉวน
พุทราทอด
ค่ากินสำหรับโต๊ะจีนมื้อสุดท้ายของวันแรก
วันนี้เรียกได้ว่าเป็นวันกินล้างกินผลาญเลยก็ได้ตั้งแต่เช้าเน้นกินตลอด
จริงๆแล้วถ้ามื้อนี้ไม่ทานโต๊ะจีน งบประมาณเราอาจจะเหลือแค่ 6000 ถ้วนก็เป็นไปได้นะคะ
เอาล่ะค่ะ วันแรกก็จบลงฝันดีทุกท่าน พรุ่งนี้มาตามดูวันที่สองนะคะ ว่าเราจะไปไหนกัน
วันที่สองของการเดินทางวันนี้เราจะพาไปที่หนองคายกันค่ะ แต่ก่อนอื่นอาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุด
ต้องไปทานอาหารเช้ากันก่อนค่ะ ตามมาดูกันเลยค่ะว่าวันนี้เราจะไปรับทานอะไรทำกิจกรรมอะไร
มื้อเช้าที่นี่เลยค่ะ ไม่ผิดหวังมาอุดรต้องมาทานกันที่นี่แทบทุกคน
เมนูแนะนำหน้าร้าน
ตรงหน้าร้านขายกุนเชียง หมูยอ ขนมปังฝรั่งเศสเล็กๆสไตล์ลาวค่ะ
อาหารที่สั่งค่ะแต่ที่เน้นๆกันเลยคือไข่ดาวกะทะ 8 ที่รวมคนขับอีกคน
มีกาแฟกันด้วยนะคะ กินเบ็ดเสร็จสนนราคา 500 บาทประมาณนั้นค่ะ
กินเสร็จก็มาเดินตลาดเทศบาล 2 หาของกินตุนไว้ระหว่างทางไปเที่ยว
เพราะไม่รุ้ว่าระหว่างทางจะมีร้านอร่อยอะไรบ้าง
ได้ของหวานของคาวติดรถเสร็จก็ออกเดินทางไปหนองคายต่อเลยค่ะ
ระหว่างทางไปจะพาไปชมวัดป่าบ้านค้อของอุดรฯก่อนค่ะ
วัดแรกของเราวันนี้คือ วัดป่าบ้านค้อ
ถ่ายจากทางเดินขึ้น
ภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์ เฉลิมพระบารมีพระนวมินทร์
นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกับ พระมหาธาตุเจดีย์ยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นกิ่งพันธุ์ที่ตอนกิ่งมาจากพรศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย อีกด้วยค่ะ
ทางเข้าไปภายในตัวเจดีย์
ด้านในมีพระบรมสารีริกธาตุ
ด้านข้างและบนเพดาน
บนเพดาน
ขากลับออกมาชักภาพเป็นที่ระลึกกัน
ระหว่างทางที่จะไปวัดป่าภูก้อน อำเภอนายูงเห็นข้างทางขายข้าวเม่าเลยอยากกิน
นี่ละค่ะวัดป่าภูก้อนตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี
อำเภอนายูงยังเป็นที่รู้จักในเรื่องกาแฟด้วยนะคะ กาแฟนายูงอร่อยค่ะ เป็นสายพันธุ์ อราบริก้า
ทางขึ้นไปวัดค่ะ ต้องถอดรองเท้าทุกท่านและวันนี้ก็ดันอากาศกลับมาเป็นปรกติคือร้อนมาก
โชคดีที่ดิฉันใส่ถุงเท้า เพื่อนบางคนต้องเดินไปเขย่งไป บางคนก็วิ่งเอา
ปี่เซี้ยะตรงทางขึ้น
ขึ้นไปข้างบนก็จะเป็นตัววัดค่ะ
ในวัดมีพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาว เป็นหินขาวอ่อนที่มีความสวยงามและทนทานมากที่สุด ความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี นำมาเรียงซ้อนกันถึง 42 ก้อน ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี
บางมุมของวัด
ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ค่ะ วัดผาตากเสื้อแต่จุดนี้คือทางขึ้นและเป็นจุดชมวิว
มานั่งชมวิวที่จุดชมวิวก่อนขึ้นไปวัดผาตากเสื้อ
ทางขึ้นวัดค่ะแต่ไม่ได้ไปดูวัดนะคะ จะพาไปจุดอันซีนของวัด
ขึ้นมาถึงจุดอันซีนแล้วค่ะ
มุมนี้ถ่ายจากตรงที่รอคิวสกายวอร์ค หรือจุดชมวิวกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทยค่ะ
พวกที่เข้าไปก่อนส่วนเรายืนรอคิว ได้ครั้งละแค่ 20 คนเท่านั้นค่ะ เปิด 6.00 น ถึง 18.00 จำไม่ได้ว่าฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย
เข้ามาได้ก็ถ่ายรูปเลยค่ะ
ผู้คนต่างฮือฮาบางคนก็ไม่กล้ามองข้างล่าง
สกายวอร์คนี้เป็นรูปทรงเกือกม้าค่ะ
มองทะลุไปถึงข้างล่างเลย
ดิฉันก็ไม่ยั่นนะคะ นั่งถ่ายรูปเลยค่ะ
เซลฟี่เองเลยค่ะ
มื้อเย็นรับประทานอาหารร้านนี้ค่ะ พลาดไม่ได้เลยนะคะ แซ่บทุกอย่าง
ไม่ได้รีวิวมื้อเที่ยง เพราะทานของที่ซื้อมาจากตลาดจนอิ่ม
ไปดูเลยนะคะว่ามีเมนูอะไรบ้าง
ก้อยเนื้อ
นึ่งปลาเนื้ออ่อน
แกงเปอะ
ตำมั่วตำซั่ว
ลาบปลาดุก
น้ำตกหมู
ยำไข่มดแดง
ปลาทอดชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้วสิ
แคบหมู
อิ่มหนำสำราญคืนนี้เราก็ไปคาราโอเกะที่โรงแรมบ้านเชียงสนุกสนานแทบไม่อยากกลับโรงแรมเลยค่ะ
เดี๋ยวรอตามดูพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วเราจะไปไหนกันบ้างค่ะ
วันที่สามของทริปนนี้ช่วงเช้าบ้างก็ตื่นไปใส่บาตร บ้างก็นอนยาวถึงสิบโมง เพราะนัดกันที่ล๊อบบี้เช็คเอ้าท์ตอน 11.30 น จากนั้นจะไปทานข้าวเที่ยงกันที่ วีทีแหนมเนืองและเดินเล่นกันในเมืองกับไปศูนย์วัฒนธรรมไทยจีนจากนั้นก็เลยไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ
ร้านวีที แหนมเนืองต้นตำรับ
ภายในร้านคนเต็มตลอดต้องรอคิวค่่ะประมาณ 15 นาทีเพราะคณะเรามี 8 คน
นั่งปุ๊ปสั่งปั๊ป แหนมเนืองชุดใหญ่ค่ะ
น้ำจิ้มแหนมเนืองสูตรเด็ด
กุ้งพันอ้อย
แหนมห่อใบยอ
น่าจะเป็นหมูยอพิเศษ
เส้นหมีหมู
บ่อบุ๋น
หมูยออีกแบบ
ขนมแกงไก่ที่ทานกับขนมจีนอร่อยมากค่ะ
อิ่มหนำสำราญสบายท้องก็ไปที่พระบรมธาตุ ธรรมเจดีย์
มาเดินชมศาลเจ้าปูย่า อุดรธานี
เข้ามาก็เจอนี่ค่ะ
มีบ่อปลาสามารถให้อาหารปลาได้
ภายในศาลเจ้าปู่ย่า
มีเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ลองไล่ดูรูปข้างล่างไปเรื่อยนะคะ เพราะข้างในมีอะไรให้ดูมาก่มายเลยค่ะ
นี่เป็นเพียงรูปบางส่วน
เดินขึ้นมาด้านบน
เพดานห้องโถง
มุมขงจื๋อ
ได้มุมเก๋ๆถ่ายรูป
ตรงนี้เป็นที่ขายของระลึกและสามารถเช่าชุดถ่ายรูปได้ค่ะ เดินสุดทางไปจะเป็นร้านกาแฟน่ารัก
ภายในร้านกาแฟตกแต่งสไตล์จีนด้วยค่ะ
มีขนมเค้กให้เลือกทานเยอะแยะ
เสร็จจากที่นี่เราก็ไปหาเป็ด อุดรค่ะ
นี่ล่ะค่ะเป็ดอุดร ช่วงที่มาทำไมมันเอียงก็ไม่ทราบ
ป้าย @อุดรธานี เป็นที่สุดท้ายที่เรามาแวะเที่ยวค่ะ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปสนามบินเลย
ก่อนขึ้นเครื่องไปนั่งกินตำปลาร้ากันต่อที่ตรงร้านอาหารนอกตัวอาคาร
บ๊าย บาย อุดรธานีค่ะ
กลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น