ไปเวียงจันทร์ อุดร หนองคาย กับงบ 6500 บาท

ทริปนี้เป็นช่วงเทศกาลวันแรงงานแห่งชาติเลยมีเวลาให้ได้สามวันรวมเสาร์อาทิตย์ เป็นการเดินทางไปกับเพื่อนสมัยมัธยมปลายรวม 7 ชีวิต นัดพบกันที่สนามบินดอนเมืองเพราะเราจะใช้บริการของ นกแอร์ทั้งขาไปและขากลับ กรุงเทพฯ - อุดร - กรุงเทพฯ ตามมาดูว่าดิฉันไปที่ไหนเดินทางอย่างไรกินอะไร กับงบประมาณ 6500 บาทเนี่ย ขอบอกว่ากินดีอยู่ดีอย่างมากค่ะ



เพื่อนร่วมทางค่ะ ยังมีแถวหน้าอีก  เครื่องออกตอนเกือบหกโมงเช้าถ้าจำไม่ผิด เราถึงได้ราคาที่ประหยัดมากทั้งไปและกลับค่ะ






เห็นสัญลักษณ์หม้อไหโบราณก็รู้ว่าถึงสนามบินอุดรโดยสวัสดิภาพค่ะ




นี่คือรถตู้ที่จะพาเราเที่ยวช่วงสามวันค่ะรวมถึงข้ามไปเวียงจันทร์ด้วยค่ะ






ออกจากสนามบินก็มาหาอาหารเช้ารองท้องกันที่นี่เลยค่ะ ร้านมาดาม พาเท่ห์ ใครมาที่อุดรต้องแวะมาทานให้ได้นะคะ เดี๋ยวมาดูว่าพวกเราสั่งอะไรมาทานกันบ้าง








ตอนแรกได้นั่งหน้าร้านข้างนอกเลย แต่เจ้าของมาเชิญให้ไปนั่งด้านหลังบ้านซึงเป็นส่วนตัวมากเลยค่ะ







นี่ค่ะด้านหลังของร้านมีมุมเก๋ๆให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆไปอัพเฟสกันด้วย






นี่ล่ะค่ะหน้าตาเจ้าของร้าน เจ๊หมุ่ย แถมเจ๊ยังมา Parlez français กับดิฉันด้วยนะคะ




หน้าตาเมนู ที่เห็นนิ้วชี้นั่นเจ๊หมุ่ยกำลังบอกว่านี่ล่ะอาหารที่แนะนำให้สั่ง





ข้าวต้มเห็ดสามอย่างร้อนๆ ไม่ต้องปรุงอะไรเลย







สตูว์หมูเสิรฟ์มาพร้อมกับขนมปังค่ะ เมนูแนะนำเลย








สลัดหลวงพระบางคิดค้นโดยเจ๊หมุ่ยเองเลยค่ะ  อร่อยมาก แซ่บหลาย








เฝอหมู









เมนูใหม่ล่าสุด ขนมปัง AEC ต้อนรับการเปิด AEC เลยค่ะ เจ๊แกเม้าท์มาให้ฟัง อิอิ







อิ่มหนำสำราญดิฉันก็รีบมาถ่ายรูปอัพเฟส อัพไอจีก่อนเลยค่ะ เพราะเดี๋ยวเราต้องเดินทางไปเวียงจันทร์กันต่อ







ออกเดินทางไปเวียงจันทร์กันต่อ






ก่อนจะไปถึงด่านทางออกเราต้องมาแวะที่นี่ก่อนค่ะ เพื่อมารับเอกสารผ่านทางที่ทางคนขับรถจัดการให้หมดเลยค่ะ สะดวกสบายจริงๆค่ะ นั่งเสนอหน้ากันอย่างเดียวเลย ค่าผ่านทางรวมค่ารถค่าสารพัดค่านี่รวมใน 6500 บาทเลยนะคะ







นั่งไปสักพักก็มาถึงด่านออกทางฝั่งไทยค่ะ คนขับรถของเราก็จัดการไปยื่นเอกสารให้ทางเรา
พวกเราก็นั่งรอในรถเป็นคุณนายกัน 




สักแป๊ปคนขับรถก็มาเรียกให้ไปโชว์ตัวที่ทางด่าน ตม ค่ะ





วิวบนสะพานมิตรภาพค่ะที่เราเห็นเป็นฝั่งลาวค่ะ






ตอนนี้เราก็มาถึงทางด่านเข้าฝั่งลาวแล้วค่ะ ก็ต้องรอยื่นเอกสารเข้า เมื่อกี้ออกค่ะ






ยื่นเอกสารเข้าที่ด่านเสร็จน้องไกด์คนนี้ก็โผล่มาขึ้นรถกับเราเลยค่ะ น้องชื่อแตงโมค่ะ
จะเป็นไกด์ให้เราทั้งวันจะกว่าเราจะกลับเข้าฝั่งไทยค่ะ




วัดแรกที่มาคือวัดศรีเมือง เป็นทั้งหลักเมืองและก็มีพระแก้วมรกตพระคุ่บ้านคู่เมือง








ของสักการะบูชาค่ะ









ภายในอุโบสถ










แม่ย่าเมืองหรือป่าวก็ไม่ทราบดิฉันก็จำไม่ได้ซะแล้ว












เพื่อนร่วมทางดิฉันค่ะ






กราบสวยๆ ก่อนเดินทางไปวัดศรีสะเกษ










ทางเข้าวัดศรีสะเกษว่ากันว่าเป็นวัดที่เจ้าอนุวงศ์สร้างขึ้นโดยเลียนแบบแบบมาจาก
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม หรือวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
โดยเฉพาะตรงริมระเบียงทางเดิน





นี่ล่ะค่ะตัวอุโบสถ






คณะเรากับไกด์





ด้านหน้าอุโบสถ




ตรงทางเข้าตัววัดค่ะ







ระเบียงรอบอุโบสถ สวยมั้ยคะ





อีกมุมของระเบียงค่ะสวยงามมากเลย




ประตูชัยลาว





ที่ต่อมาก็คือประตูชัยที่สร้างเลียนแบบประตูชัยของฝรั่งเศส
ไกด์บอกว่าสร้างในยุคที่เป็นอาณานิคมฝรั่ง
แต่มาเสร็จในยุคของอเมริกันค่ะ
คณะเราวันนี้อากาศดีมากไม่ร้อนเลยทั้งทีปรกติไกด์บอกว่าอุณหภูมิ 38 องศา
แต่วันนี้ฝนตกแต่เช้าอากาศเลยกำลังสบายๆค่ะ






ใต้ประตูชัย



สวยงามมากค่ะ



ชักภาพใต้ประตูชัยค่ะ เห็นเพดานสวยงาม


มองเห็นทำเนียบรัฐบาาลอยู่ใกล้ๆ




จากประตูชัยก็ได้เวลาเที่ยงหิวข้าวกันแระต้องร้านนี้เลยค่ะ ขอบใจเด้อ
อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ มื้อนี้  7 คน บวกไกด์กับคนขับรถด้วย 
กินกันจนอิ่มพุงปลิ้นตบท้ายด้วยเครปกล้วยหอมกาแฟ เบ็ดเสร็จเกือบ 3000 บาท
ไกด์บอกว่าแพงมากแต่เราบอกว่าไม่แพงเลย





ก่อนเข้าร้านขอไปเดินถ่ายรูปฝั่งตรงข้ามร้านหน่อยนึง











ภายในร้าน ขอบใจเด้อ โต๊ะที่เรานั่งกัน




รูปภาพของเมืองเวียงจันทร์แต่ก่อน




อีกมุมค่ะ




แจ่วกับผักนึ่ง





 ข้าวเหนียวอร่อยมากเลย




ข้าวเหนียวดำ






                                                                       แกงหน่อไม้ดองไก่ค่ะ



ตำถั่วอร่อยมาก




                                                                            เนื้อย่างจิ้มแจ่ว




                                                                          นึ่งปลา




ตำปลาร้าแซ่บเด้อ




                                                                         ผลไม้ล้างปาก





                             เครปกล้วยหอมราดชอคโกแลตกับไอศครีม เนื้อแป้งเครปอร่อยมากๆๆ




ดูท่ากินสะก่อน





อาหารเต็มโต๊ะหมดภายในพริบตา ตำถั่วแซ่บมาก อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะไม่ผิดหวัง





เช็คบิลมาราคานี้ค่ะ สองพันเก้าร้อยกว่าบาทตีไปสามพันบาทแต่อิ่มแบบว่าจุกถึงคอหอยเลยค่ะ
ทั้งนี้รวมค่าอาหารของไกด์และคนขับรถด้วยนะคะ




แอบถ่ายตัวเองตอนทานข้าว



อิ่มแล้วมายืนรอรถมารับไปต่อ






รับทานอาหารเสร็จก็มาช้อปปิ้งต่อที่ร้านจำปาล้านช้าง ขายผ้าซิ่นลาว ของที่ระลึก และเครื่องเงิน
กระซิบนิดนะคะว่าราคาค่อนข้างแพงเพราะเป็นที่ที่ไกด์เค้าจะได้ค่าน้ำ ถ้าใครคิดว่าเป็นที่สุดท้ายแล้วก็ซื้อเฮ่อะ ต่อเยอะๆขอบอก






สินค้าในร้าน






กระเป๋าที่ระลึกของฝาก






เครื่องเงิน






มีกาแฟเสิรฟ์ให้ดื่มระหว่างดูสินค้าไม่คิดค่ากาแฟแต่เอาไปบวกกับค่าสินค้าค่ะ  555555






มุมเครื่องเงิน





เพื่อนในกลุ่มเลือกผ้าซิ่นกันอย่างเมามัน





กาแฟลาวอร่อยกลมกล่อมดีนะคะ ช้อปเสร็จเราก็ไปต่อ






สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้คือ วัดพระธาตุหลวง เป็นปูยชนีสถานที่สำคัญของเวียงจันทร์
อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมใจของชาวลาวด้วย






ป้ายเวลาเยี่ยมชมค่ะ






เริงร่ามากเลยค่ะ






ระเบียงรอบในบริเวณพระธาตุหลวง




นั่งชื่นชมตัวพระธาตุหลวงเพราะวันนี้อากาศกำลังสบายเลยค่ะ ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเวียงจันทร์
เสร็จแล้วก็ได้เวลากลับเข้าฝั่งไทยแล้วค่ะ แถมเพื่อนร่วมคณะจะขอช้อปตรงดิวตี้ฟรีทางฝั่งลาวอีกด้วย
ไกด์แนะนำว่าให้เข้าร้านดิวตี้ฟรีที่ชื่อ Heaven  






เพื่อนร่วมคณะหิ้วของกลับจากดิวตี้ฟรีเต็มไม้เต็มมือ 







กลับจากฝั่งลาวก็มา่เช็คอินกันที่โรงแรมก่อนเลยเพราะว่าตั้งแต่เช้าเราไม่ได้มาเช็คอินก่อน
เดินทางไปฝั่งลาวเลย โรงแรมที่พักชื่อ โรงแรมนภาลัยค่ะระดับ 3 ดาวกว่าเลยนะคะมีทั้งสระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนสบริการ   รวมในค่าใช้จ่าย 6500 บาทค่ะพักที่นี่สองคืนเลยค่ะ 
ไม่ต้องย้ายไปย้ายมาเพราะเราต้องขึ้นเครื่องกลับที่อุดร






อาบน้ำแต่งตัวเสร็จมื้อเย็นก็ออกมาทานอาหารจีนที่โรงแรมเซ็นทาราอุดรค่ะ หรูเน่อะ







เป็ดปักกิ่ง






ออเดิร์ฟ





หน่อไม้จีน






เมี่ยงเป็ด






โกยซีหมี่






ปลานึ่งซีอิ้ว






ซุปเสฉวน






พุทราทอด






ค่ากินสำหรับโต๊ะจีนมื้อสุดท้ายของวันแรก
วันนี้เรียกได้ว่าเป็นวันกินล้างกินผลาญเลยก็ได้ตั้งแต่เช้าเน้นกินตลอด
จริงๆแล้วถ้ามื้อนี้ไม่ทานโต๊ะจีน งบประมาณเราอาจจะเหลือแค่ 6000 ถ้วนก็เป็นไปได้นะคะ
เอาล่ะค่ะ วันแรกก็จบลงฝันดีทุกท่าน พรุ่งนี้มาตามดูวันที่สองนะคะ ว่าเราจะไปไหนกัน



วันที่สองของการเดินทางวันนี้เราจะพาไปที่หนองคายกันค่ะ แต่ก่อนอื่นอาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุด
ต้องไปทานอาหารเช้ากันก่อนค่ะ ตามมาดูกันเลยค่ะว่าวันนี้เราจะไปรับทานอะไรทำกิจกรรมอะไร





มื้อเช้าที่นี่เลยค่ะ ไม่ผิดหวังมาอุดรต้องมาทานกันที่นี่แทบทุกคน






เมนูแนะนำหน้าร้าน







ตรงหน้าร้านขายกุนเชียง หมูยอ ขนมปังฝรั่งเศสเล็กๆสไตล์ลาวค่ะ




อาหารที่สั่งค่ะแต่ที่เน้นๆกันเลยคือไข่ดาวกะทะ 8 ที่รวมคนขับอีกคน
มีกาแฟกันด้วยนะคะ กินเบ็ดเสร็จสนนราคา 500 บาทประมาณนั้นค่ะ








กินเสร็จก็มาเดินตลาดเทศบาล 2 หาของกินตุนไว้ระหว่างทางไปเที่ยว
เพราะไม่รุ้ว่าระหว่างทางจะมีร้านอร่อยอะไรบ้าง



ได้ของหวานของคาวติดรถเสร็จก็ออกเดินทางไปหนองคายต่อเลยค่ะ 
ระหว่างทางไปจะพาไปชมวัดป่าบ้านค้อของอุดรฯก่อนค่ะ








วัดแรกของเราวันนี้คือ วัดป่าบ้านค้อ





ถ่ายจากทางเดินขึ้น 
ภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์ เฉลิมพระบารมีพระนวมินทร์ 
นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกับ พระมหาธาตุเจดีย์ยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นกิ่งพันธุ์ที่ตอนกิ่งมาจากพรศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย อีกด้วยค่ะ




ทางเข้าไปภายในตัวเจดีย์




ด้านในมีพระบรมสารีริกธาตุ






ด้านข้างและบนเพดาน





บนเพดาน








ขากลับออกมาชักภาพเป็นที่ระลึกกัน





ระหว่างทางที่จะไปวัดป่าภูก้อน อำเภอนายูงเห็นข้างทางขายข้าวเม่าเลยอยากกิน







นี่ละค่ะวัดป่าภูก้อนตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม  อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี 





อำเภอนายูงยังเป็นที่รู้จักในเรื่องกาแฟด้วยนะคะ กาแฟนายูงอร่อยค่ะ เป็นสายพันธุ์ อราบริก้า






ทางขึ้นไปวัดค่ะ ต้องถอดรองเท้าทุกท่านและวันนี้ก็ดันอากาศกลับมาเป็นปรกติคือร้อนมาก
โชคดีที่ดิฉันใส่ถุงเท้า เพื่อนบางคนต้องเดินไปเขย่งไป บางคนก็วิ่งเอา






ปี่เซี้ยะตรงทางขึ้น







ขึ้นไปข้างบนก็จะเป็นตัววัดค่ะ





ในวัดมีพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาว  เป็นหินขาวอ่อนที่มีความสวยงามและทนทานมากที่สุด ความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี นำมาเรียงซ้อนกันถึง 42 ก้อน  ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี






บางมุมของวัด




ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ค่ะ วัดผาตากเสื้อแต่จุดนี้คือทางขึ้นและเป็นจุดชมวิว




มานั่งชมวิวที่จุดชมวิวก่อนขึ้นไปวัดผาตากเสื้อ





ทางขึ้นวัดค่ะแต่ไม่ได้ไปดูวัดนะคะ จะพาไปจุดอันซีนของวัด






ขึ้นมาถึงจุดอันซีนแล้วค่ะ







มุมนี้ถ่ายจากตรงที่รอคิวสกายวอร์ค หรือจุดชมวิวกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทยค่ะ






พวกที่เข้าไปก่อนส่วนเรายืนรอคิว ได้ครั้งละแค่ 20 คนเท่านั้นค่ะ เปิด 6.00  น ถึง 18.00  จำไม่ได้ว่าฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย




เข้ามาได้ก็ถ่ายรูปเลยค่ะ





ผู้คนต่างฮือฮาบางคนก็ไม่กล้ามองข้างล่าง






สกายวอร์คนี้เป็นรูปทรงเกือกม้าค่ะ







มองทะลุไปถึงข้างล่างเลย






ดิฉันก็ไม่ยั่นนะคะ นั่งถ่ายรูปเลยค่ะ



เซลฟี่เองเลยค่ะ 





มื้อเย็นรับประทานอาหารร้านนี้ค่ะ พลาดไม่ได้เลยนะคะ แซ่บทุกอย่าง 
ไม่ได้รีวิวมื้อเที่ยง เพราะทานของที่ซื้อมาจากตลาดจนอิ่ม
ไปดูเลยนะคะว่ามีเมนูอะไรบ้าง




ก้อยเนื้อ





นึ่งปลาเนื้ออ่อน





แกงเปอะ



ตำมั่วตำซั่ว





ลาบปลาดุก





น้ำตกหมู




ยำไข่มดแดง




ปลาทอดชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้วสิ





แคบหมู

อิ่มหนำสำราญคืนนี้เราก็ไปคาราโอเกะที่โรงแรมบ้านเชียงสนุกสนานแทบไม่อยากกลับโรงแรมเลยค่ะ
เดี๋ยวรอตามดูพรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วเราจะไปไหนกันบ้างค่ะ



วันที่สามของทริปนนี้ช่วงเช้าบ้างก็ตื่นไปใส่บาตร บ้างก็นอนยาวถึงสิบโมง เพราะนัดกันที่ล๊อบบี้เช็คเอ้าท์ตอน 11.30 น จากนั้นจะไปทานข้าวเที่ยงกันที่ วีทีแหนมเนืองและเดินเล่นกันในเมืองกับไปศูนย์วัฒนธรรมไทยจีนจากนั้นก็เลยไปสนามบินเพื่อกลับกรุงเทพฯ





ร้านวีที แหนมเนืองต้นตำรับ





ภายในร้านคนเต็มตลอดต้องรอคิวค่่ะประมาณ 15 นาทีเพราะคณะเรามี 8 คน





นั่งปุ๊ปสั่งปั๊ป แหนมเนืองชุดใหญ่ค่ะ




น้ำจิ้มแหนมเนืองสูตรเด็ด










กุ้งพันอ้อย






แหนมห่อใบยอ





น่าจะเป็นหมูยอพิเศษ





เส้นหมีหมู






บ่อบุ๋น





หมูยออีกแบบ






ขนมแกงไก่ที่ทานกับขนมจีนอร่อยมากค่ะ


อิ่มหนำสำราญสบายท้องก็ไปที่พระบรมธาตุ ธรรมเจดีย์













มาเดินชมศาลเจ้าปูย่า อุดรธานี





เข้ามาก็เจอนี่ค่ะ





มีบ่อปลาสามารถให้อาหารปลาได้





ภายในศาลเจ้าปู่ย่า





มีเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ลองไล่ดูรูปข้างล่างไปเรื่อยนะคะ เพราะข้างในมีอะไรให้ดูมาก่มายเลยค่ะ
นี่เป็นเพียงรูปบางส่วน





เดินขึ้นมาด้านบน













เพดานห้องโถง




มุมขงจื๋อ













ได้มุมเก๋ๆถ่ายรูป





ตรงนี้เป็นที่ขายของระลึกและสามารถเช่าชุดถ่ายรูปได้ค่ะ เดินสุดทางไปจะเป็นร้านกาแฟน่ารัก






ภายในร้านกาแฟตกแต่งสไตล์จีนด้วยค่ะ







มีขนมเค้กให้เลือกทานเยอะแยะ









เสร็จจากที่นี่เราก็ไปหาเป็ด อุดรค่ะ


นี่ล่ะค่ะเป็ดอุดร ช่วงที่มาทำไมมันเอียงก็ไม่ทราบ



ป้าย @อุดรธานี เป็นที่สุดท้ายที่เรามาแวะเที่ยวค่ะ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปสนามบินเลย 
ก่อนขึ้นเครื่องไปนั่งกินตำปลาร้ากันต่อที่ตรงร้านอาหารนอกตัวอาคาร




บ๊าย บาย อุดรธานีค่ะ





กลับถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพค่ะ























































Patchari DE COCK

Phasellus facilisis convallis metus, ut imperdiet augue auctor nec. Duis at velit id augue lobortis porta. Sed varius, enim accumsan aliquam tincidunt, tortor urna vulputate quam, eget finibus urna est in augue.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น