ศิลปะในการรับประทานอาหารแบบไทยสมัยใหม่กับ Mekhong Elite Table.

รู้สึกดีใจมากปลื้มใจมากที่ได้มาร่วมโต๊ะกับงาน Mekhong Elite Table อีกครั้งนึง คราวนี้ได้มาที่ร้านอาหารไทยชื่อดังและดังไกลไปต่างประเทศเลยค่ะ: คือ Blue Elephant ซึ่งมีร้านอยู่ที่ กรุงบรัสเซล ลอนดอน และก็ปารีส ส่วนที่กรุงเทพฯเราก็ตั้งอยู่ที่ถนนสาธรอยู่ในโซนด้านหน้าของตึกไทยซีซี ทาวเวอร์เลยค่ะ การมารับประทานอาหารค่ำครั้งนี้เป็นเมนูที่คัดเลือกมาจากเมนูในร้านซึ่งทางคุณนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ หรือ มาดามนูเจ้าของร้านและเป็นเชฟใหญ่ของ Blue Elephant รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อนำมา paring กับ ค๊อกเทลของทางแม่โขงซึ่งทาง  Mixologist ของทางแม่โขง "คุณกิติภูมิ การไมตรีจิตร์" ออกแบบเครื่องค๊อกเทลมาเพื่อเมนูพิเศษนี้โดยเฉพาะค่ะ ไม่ธรรมดานะคะ ทุกเมนูในค่ำคืนนี้นั้นเป็นการผสมผสานอาหารไทยจีนต้นตำรับดั้งเดิมได้กลมกล่อมที่สุดอีกทั้งยังมีส่วนผสมของเหล้าโขงในแต่ละเมนูด้วยค่ะ

ต้องบอกก่อนนะคะว่าการจัด  Mekhong Elite Table เป็นการเปิดเทรนใหม่ในการกินอาหารแบบไทยกับเครื่องดื่มไทยคือแม่โขงเป็นหลักแล้วนำมาผสมเป็นค๊อกเทลเพื่อจับคู่กับอาหารไทยที่เชฟชื่อดังหลายท่านมารังสรรค์เมนู เราจะเห็นว่าวัฒนธรรมในการกินดิ่มที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือของประเทศฝรั่งเศสที่จับคู่อาหารกับไวน์ หรือแม้แต่ขนมหวานอง ทางแม่โขงได้เล็งเห็นว่าคนไทยเองก็มีวัฒนธรรมและอาหารมาแต่โบราณเหมือนกันจึงได้เกิดไอเดียที่จะจับคู่ให้กับเหล้าไทย อีกทั้งยังใช้เหล้าแม่โขงมาปรุงอาหารในแต่ละเมนูอีกด้วย เห็นมั้ยคะว่าเรามีของดีที่อยู่คู่เมืองไทยมานานกว่า 70 ปี แต่เราไม่รู้เลยว่ามันสารพัดประโยชน์จริงๆค่ะ





ตัวตึกที่ตั้งร้าน Blue Elephant คลาสสิคมาก





เดินเข้าไปเจออ่างบัวชอบมากค่ะ




เข้างานมาก็ต้องมาถายรูปกันตรงนี้ก่อนเลย





ขอถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกนิสนึง



โต๊ะรับประทานอาหารของเราค่ะ






เมนูอาหารและค๊อกเทลที่นำมาแพริ่งในคืนนี้ค่ะ น่าทานทั้งนั้น



พิธีกรและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแม่โขงวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์ 




สามหนุ่มแห่ง Blue Elephant ค่ะ คนกลางคุณบอล พูฒินันท์ เป็นผู้จัดการร้านสองคนซ้ายขวาคือผู้ช่วยนะคะ





คุณน๊อตผู้ช่วยคุณบอลผู้ที่จะมาดูแลโต๊ะของเราในค่ำคืนนี้ค่ะ





จานแรกของเราในวันนี้บอกก่อนนะคะ ว่าจานนี้ได้รับรางวัลยูเนสโก้ด้วยค่ะ มีชื่อว่า ปอเปี๊ยะฮกเกี้ยน เป็นแป้งปอเปี๊ยะสดสอดไส้หมูแดงถั่วงอกและเต้าหู้มีกระเทียมเจียวโรยด้านนอกมีซอสรสเผ็ดหวานซึ่งมีส่วนผสมของเหล้าแม่โขงด้วยนิสนึง เวลาทานต้องราดซอสนี้แล้วกินกับกระเทียมเจียว




ค๊อกเทลนี้ชื่อว่า Mekhong Sparkling นำมา paring กับ ปอเปี๊ยะฮกเกี้ยนเมื่อกี้นี้ ซึ่งในตัวค๊อกเทลมีลิ้นจี่และน้ำตาล Prosecco Sparkling wine ซึ่งพอมาจับคู่กับปอเปี๊ยะซึ่งรสออกหวานเผ็ดตามนั้นบอกได้เลยว่าเหมาะมากเพราะรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มไม่กลบกันเลย ได้ทั้งรสชาติของอาหารและรสชาติซาบซ่านิดๆๆของ Prosecco ไปกันได้ด้วยดีสำหรับ Starter ค่ะ




จานที่สองมีชื่อว่า "ไก่แช่แม่โขง" เป็นไก่ที่นำไปตุ๋นกับสมุนไพรถึงสามชั่วโมงเชียวนะคะแล้วก็มีเหล้าแม่โขงในน้ำตุ่นไก่อีกด้วย เสิร์ฟมากับ เยลลี่แม่โขงซึ่งได้มาจากน้ำตุ๋นไก่นี่เองล่ะคะ แล้วก็แมงกระพรุนราดซอสซีฟู้ดแซ่บจี๊ดจ๊าดเคียงมาด้วยขิงดองออกหวานนิดๆ เนื้อไก่นุ่มพอดีไม่แข็งไม่เละไป จานนี้บอกเลยว่าโปรดมากค่ะ ดิฉันเลยตั้งชื่อให้เป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Poulet poché aux herbs et du mekhong.



แม่โขงมันตรา คือชื่อค๊อกเทลที่นำมา จับคู่กับไก่แช่แม่โขงเมื่อกี้เราได้ทราบถึงรสชาติของไก่แช่แม่โขงไปแล้ว ตัวค๊อกเทลนีมีส่วนผสมของข Gingle ale โดยในนี้จะมีมะนาวฝานสดใส่ลงไปเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวนิดนึงกับขิงสด พอผสมไปกับเหล้าแม่โขงจะออกรสนวลหวานนำติดเปรี้ยวออกมานิดเดียวไม่โดด ซึ่งพอมาทานกับไก่แช่แม่โขงจะทำให้ไม่กลบรสเปรี้ยวแซ่บจี๊ดจ๊าดของอาหารเลย เสริมอีกนิดค่ะเวลาที่ดื่มค๊อกเทลตัวนี้เนื่องด้วยแก้วเป็นแก้วทรงปากแคบตอนดื่มจมูกเราจะใกล้กับขอบปากแก้วที่มีขิงสดทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนของขิงสดด้วยค่ะ




จานที่สี่คือ ต้มยำเยื่อไผ่กับไก่ดำเป๋าฮื้อ เป็นการผสมผสานความเป็นไทยจีนดั้้งเดิมได้เหมาะสมมากเลยค่ะ รสชาติของความเป็นต้มยำของไทยกับวัตถุดิบของจีนมาทำเป็นต้มยำ เริ่ดทีสุดค่ะ ในน้ำซุบนี้ก็มีเหล้าแม่โขงด้วยนะคะ จานนี้จะไม่มีการจับคู่กับเครื่องดื่มค่ะ





จานที่ 5 อันนี้ชอบมากเลยค่ะ ทีสุดมาก "ปลาหิมะราดซอสพริกแอลม่อน" เสิร์ฟกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่หุงด้วยน้ำมะพร้าวอ่อน โรยด้วยพริกเกลือข้างๆค่ะ รสกลมกล่อมหวานเค็มเผ็ด




แม่โขงไทยสบาย ที่ถูกนำมา paring กับปลาหิมะได้อย่างดีเนื่องจากรสชาติของไทยสบายจะออกเปรี้ยวดังนั้นเมื่อทานกับปลาทีมีรสออกหวานเค็มเผ็ดกลมกล่อม และเพิ่มมาอีกรสคือเปรี้ยวของไทยสบายจึงทำให้ได้ทุกรสชาติในเวลาเดียวกันเรียกว่าไม่แย่งหน้าที่กันเลยค่ะ





สำหรับอาหารคาวจานสุดท้ายคือ หมูฮ้อง ถ้าคนไม่ชอบมันก็อาจจะไม่ปลื้มจานนี้เท่าไหร่นักเพราะเป็นหมูสามชั้น แต่ก็พลาดไม่ได้ค่ะ รสชาติก็จะคล้ายๆหมูพะโล้แล้วทานกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวเพื่อตัดความเลี่ยนแกล้มกับหมั่นโถว ตัวหมั่นโถวนี่พิเศษคือมีผักกาดดองผัดไข่ตรงกลางพอทานรวมๆกันแล้วทำให้ได้รสชาติที่ไม่เลี่ยนมาก ตัวนี้ไม่มีค๊อกเทลมาจับคู่ แต่ก็สามารถลองจับคู่ดูเองตามแต่อัธยาสัย บางคนก็จับคู่กับ แม่โขงไทยสบาย แต่ตัวดิฉันว่าคู่กับแม่โขงมันตราเหมาะกว่าค่ะ เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็จับคู่แบบนั้นนะคะ




ขนมหวานปิดท้ายของงาน Mekhong Elite Table วันนี้คือ ตูโบ้เป็นขนมดั้งเดิมของภูเก็ต จะมีถั่วแดงฟักทอง มะพร้าว น้ำกะทิ และแป้งเหนี่ยวที่เป็นสูตรเฉพาะของขนมนี้ด้วยเสิร์ฟมาในกะลามะพร้าว ดูออริจินัลจริงๆค่ะ 




อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็มาถ่ายรูปกับมาดามนู และ คุณจันทราลูกสาว




เป็นอย่างไรคะ อิ่มอร่อยอย่างมีสไตล์แบบแม่โขง ทุกเมนูและค๊อกเทลรังสรรค์มาเพื่อคู่กันจริงๆค่ะ หากว่าเพื่อนๆมีโอกาสอยากเชิญชวนไปหารับประทานกันได้ที่ Blue Elephant สาธร  
วันนี้ดิฉันขอลาไปก่อนอิ่มมากมายเหลือ และก็อย่าลืมติดตาม Mekhong Elite Table กันนะคะว่าจะมีอีกที่ไหนบ้าง #Mekhongelitetable
















Patchari DE COCK

Phasellus facilisis convallis metus, ut imperdiet augue auctor nec. Duis at velit id augue lobortis porta. Sed varius, enim accumsan aliquam tincidunt, tortor urna vulputate quam, eget finibus urna est in augue.

2 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอด...เหล้าไทย คู่ กับ อาหารไทย...น่าทานมากค่ะ...ต้องลอง..ต้องลอง....

    ตอบลบ
  2. Blue ELephant ร้านอาหารดูคลาสสิค ส่วนเมนูอาหารผสมผสานเข้ากับเครื่องดื่มได้น่าสนใจทีเดียว ไม่พลาดแน่นอนต้องไปชิมค่ะ

    ตอบลบ