ให้ขุนเขาโอบกอดที่บ้านน้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน แดนสวรรค์ ใต้เทือกเขาหลวงพระบาง





สวัสดีเพื่อนๆชาว Trip Whit EAT กลับมาอีกทั้งกับการท่องเที่ยวแนวผจญภัยเอาใจสายลุย สายธรรมชาติ รับรองว่าโดนใจกันแน่ๆ   ครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ไปเป็นนักท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด Creative Tourism District หรือ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในประเทศไทย ที่จะช่วย “เติมเต็มประสบการณ์ใหม่" ผ่านการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กับได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งเชื่อว่าจำทำให้เกิดแรงบันดาลใจและเข้าใจถึงความสุขที่ยั่งยืน และจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้ก็คือ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน



  
   


  "เริ่มต้นด้วยกลุ่มฮักน้ำมวบ" โดย "คุณฤทธิชัย สุฟู" หรือ "บอย" และคนในพื้นถิ่น ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับพาเราเที่ยวในแนว Creative Tourism พร้อมสัมผัสสัมผัสวิถีชีวิตของคนในชุมชน "ตำบลน้ำมวบ" เป็นตำบลเล็กๆ ที่เต็มไปดด้วยธรรมชาติและโอบล้อมด้วยขุนเขา นั่นก็คือ เทือกเขาหลวงพระบาง ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะตอนที่เราไปนั้นเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวพอดี อากาศกำลังสบายๆ มีฝนโปรยปรายมาให้ชุ่มฉ่ำ มองไปรอบๆ ก็เขียวชะอุ่ม มีเรือกสวนและไร่นา ผุ้คนในชุมชนอัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร















สถานที่แห่งแรกที่ไปคือ "ศาลเจ้าพ่อช้างงาแดง" สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองที่คนในชุมชนให้การเคารพสักการะ ท่านเป็นอดีตเจ้าเมืองน้ำมวบ ผู้คนร่ำลือและกล่าวขานกันว่าถ้ามาบนและขอพรเรื่องงาน มักจะสำเร็จกันแทบทุกรายไป













หลังจากสักการะ "ศาลเจ้าพ่อช้างงาแดง" สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองที่คนในชุมชนแล้ว เราก็เดินทางจากบ้านน้ำมวบไปบ้านสาลี่ซึ่งเป็นจุดหมายแรกของเรา เยี่ยมชมถ้ำสาลี่และแวะสักการะพระธาตุพบโชค การเดินทางจากบ้านน้ำมวบมาที่นี่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เนื่องด้วยทางเป็นทางขึ้นเขา และต้องเปลี่ยนรถอีกครั้งที่ตีนดอยสาลี่โดยใช้รถไถของชาวบ้านเพื่อเข้าไปในส่วนที่เป็นทางเดินเท้าเพื่อมาที่นี่





 




ในที่สุดเราก็มาถึงตีนดอยยังไม่สิ้นสุดการเดินทางนะ เรายังต้องเดินขึ้นไปอีก บรรยากาศตอนนี้สบายมากเลยอากาศเย็นสบายล้อมรอบไปด้วยป่าธรรมชาติ เป็นภาพที่มองกี่ครั้งก็สบายตาสบายใจไม่เหมือนมองตึกสูงๆในเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย ตลอดทางเราก็จะเห็นถ้ำเล็กถ้ำน้อยของที่นี่มากมายไปหมด  แต่เด็ดจริงๆก็ต้องเป็นถ้ำสาลี่ซึ่งเดี๋ยวเราจะลงไปเยี่ยมชมกัน





 





เดินมาได้ซักระยะนึงก็เริ่มจะมองเห็นยอดองค์พระธาตุ  เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่พี่ๆน๊าๆอ่าๆที่เดินทางมาด้วยกันี่ไม่มีถอยสู้ตายกันทุกคนเลย จะมาดูของดีทั้งทีก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคแบบนี้แหล่ะ



 




แล้วเราก็ขึ้นมาถึง พระธาตุพบโชค เปิดโลกงดงามจริงๆ วิวรอบๆ พระธาตุฯ ด้านงดงามอลังการ 360 องศามากเลย คุ้มค่าความเหน็ดเหนื่อยในครั้งนี้จริงๆ






มาถึงแล้วรออะไรหล่ะ ขอพรก่อนเลย ขอให้รวยหมื่นล้าน ฮ่าๆๆๆ จะได้มาอีกหลายๆรอบ










หลังจากพักเหนื่อยและสักการะพระธาตุพบโชคเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินลงจากเขาเพื่อเดินทางสู่หนทางใต้พิภพ ชมถ้ำสาลี่ที่อยู่ด้านล่างของพระธาตุผมโชค ชาวบ้านแถวนี้เล่าให้ฟังว่าดอยลูกนี้มีถ้ำหลายแห่งแต่ที่เด็ดๆเลยต้องถ้ำสาลี่ซึ่งอยู่ลึกลงไป และมีค้างคาวจำนวยมากอยู่ด้วยในด้วย แถมยังบอกอีกด้วยว่าเมื่อก่อนที่นี่ไม่ได้ชื่อ ถ้ำสาลี่ แต่ชื่อถ้ำสาวลี่ แหมชื่อน่าพาสาวมาลี่ซะเหลือเกิน อ้าวๆ คนเขียนจะไปนอกเรื่องแระ ฮ่าๆ กลับมาเรื่องถ้ำต่อ ที่ชื่อว่าถ้ำสาวลี่เพราะว่าเคยเป็นที่หลบซ่อนตัวของชาวบ้านสมัยสงคราม ต่อมาก็เพี้ยนไปเป็น ถ้ำสาลี่ ในปัจจุบัน











ทางลงค่อนข้างชันทีเดียว





ด้านล่างเป็นทางเดินเหมือนห้องโถงมีฝูงค้างคาวเป็นจำนวนมามาอาศัยอยูที่นี่

















น้าๆที่พาลงมากำลังก็บมูลค้างคาวเพื่อเอาไปขาย  เค้าบอกไหนๆก็ลงมาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว




ธรรมชาติที่นี่คงสภาพเดิมอยู่เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก








เสร็จจากเที่ยวชมถ้ำใช้พลังงานที่มีไปเยอะเราก็ต้องเติมพลังกันหน่อย ก็ได้ป้าๆ น้าๆ ในชุมชนมาทำอาหารท้องถิ่นให้พวกเราได้ทานกัน อร่อยอย่าบอกใครเชียว นั่งล้อมวงทานกันได้อารมณ์เดินป่าแบบสุดๆไปเลย
 







หลามปลากั้ง บ้านสาลี่







กินเสร็จหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนตามธรรมเนียม  แต่ก็ต้องเดินทางต่อเพื่อไปที่ แก่งน้ำว้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง พอถึงที่หมายก็เปลี่ยนชุดพร้อมล่องแก่ง
 







หลังจากที่จัดการสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำวิธีการล่องแก่ง
และการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ก่อนทำกิจกรรมมีการวอร์มอัพร่างกาย และสาธิตการรักษาความปลอดภัยในกรณีที่มีอุบัติเหตุและ วิธีการต่างๆ   เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเมื่ออยู่บนเรือแและควรเชื่อฟังคำสั่งของนายหัวและท้ายเรือ ระยะทางในการล่องครั้งนี้ประมาณ 13 กม.









รอยยิ้มแและเสียงหัวเราะ ความสุขท่ามกลางขุนเขา และธรรมชาติของลำน้ำว้า



 





จากประสบการณ์ครั้งนี้ ต้องบอกกันว่า แค่ภาพที่ทุกท่านได้เห็นก็ไม่อาจจะบรรยายความสุข ของแต่ละคนที่ร่วมทริปได้ เริ่มเสียงกรี๊ด เสียงฮา เสียงหัวเราะ เฮฮา และเอาไม้พายตบสาดน้ำใส่เรือตรงข้าม ก็ทำให้พวกเราผ่อนคลายสนุกสนานกันไปครับ






เสร็จจากล่องแก่ง เราก็เดินทางสู่ที่พักของเราในคืนนี้ แต่ก่อนจะเข้าที่พักชาวบ้านที่นี่เค้าได้เตรียมพิธีบายศรีสู่ขวัญให้พวกเราชาวคณะเพื่อเป็นสิริมงและจบด้วยบรรยากาศเมืองยามเย็นแสนอบอุ่นครับ อ๋อลืมบอกไปว่าคืนนี้เรานอนที่บ้านพักโฮมสเตย์ในสำหรับวันนี้ขอลาไปนอนก่อนแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะพาไปเทียวชมหมู่บ้านนะ











เช้าวันที่ 2 ตื่นมาพร้อมกับสายหมอกและแสงอาทิตย์ในยามเช้า 
กับอากาศที่บริสุทธ์ดีต่อปอดของคนเมืองกรุงเป็นอย่างมาก











 




เช้านี้ขอเก็บภาพบรรยากาศที่พักมาให้ชมกันซักเล็กน้อย วิวดีจริงๆเชียว ลองดูกันนะ







 


อาหารเช้าก็เป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี่ ดูแปลกแตกต่างจากที่เรากินในทุกวัน แต่ก็อร่อยใช้ได้เชียวแหล่







แกงตูนอาหารพื้นถิ่นบ้านน้ำมวบ




น้ำพริกปลาทู



หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมแรกของเราในวันนี้ซึ่งเป็นกิจกรรมแบบเบาๆ  ไปเดินเล่นชมหมู่บ้านและวิถีชีวิตของคนทีนี่ เบามั้ย!






 


อันดับแรกคือไปเก็บเห็ดในป่าโดยต้องเดินขึ้นเขาในขณะเดียวเราก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติข้างทางทำให้พวกเราเพลิดเพลินเลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่    ชาววบ้านที่นี่บอกว่า ถ้ามาช่วงฤดูฝนจะมีเห็ดเยอะมากชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะเก็บไปขายบ้าง ทำอาหารกินบ้างแล้วแต่



 


ผลลูกชิด ที่เพิ่งเด็ดมาจากต้น ก่อนนำไปผ่านกรรมวิธีอีกหลายขั้นตอน เพื่อให้ได้ลูกชิดที่นำมากินเป็นขนมน้ำแข็งไส แต่คนที่นี่ นิยมนำมาผสมกับกล้วยบวชชี หรือ เผือกบวช











ต้มลูกชิดสดก่อนนำไปบีบ





เครื่องบีบลูกชิด





ก่อนจะได้ลูกชิด ต้องนำผลไปต้มให้สุก จากนั้น นำมาบีบเอาเนื้อในออกมาก โดยจะมีเครื่องมือสั่งทำพิเศษ ตัดปลายส่วนขั้ว พร้อมกับรีดเนื้อในออกมา จากนั้นนำมาบรรจุใส่ถุงขายเป็นกิโล 



ผลลูกชิดที่สมบูรณ์ จะมีเนื้อในครบและเต็มพอบีบออกมารวมกัน จะได้ปริมาณที่เยอะ ดูสวย และน่ากินมากๆ








การเดินทางไป ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน สามารถเดินทางได้โดยเครื่องบินทั้งนี้มีสายการบิน นกแอร์ และ แอร์เอเชียให้บริการ แล้วจากนั้นต้องเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 1 ชั่วโมง จะเช่ารถขับเอง หรือเช่ารถตู้ก็มีให้บริการทั้งสองอย่าง ท่านใดที่สนใจการท่องเที่ยวแนว Creative Tourism District  คือการเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนของคนพื้นที่น้ำมวบ สามารถติดต่อไปได้ที่ "กลุ่มฮักน้ำมวบ" โดยมีคุณฤทธิชัย สุฟู (บอย) เป็นประธานกลุ่มฯ โทรศัพท์มือถือ 0816915962 หรือไปดูข้อมูลกันได้ที่เว็บไซต์ ตำบลน้ำมวบ จังหวัดน่าน


Patchari DE COCK

Phasellus facilisis convallis metus, ut imperdiet augue auctor nec. Duis at velit id augue lobortis porta. Sed varius, enim accumsan aliquam tincidunt, tortor urna vulputate quam, eget finibus urna est in augue.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น